Skip to main content

การอัปเดต XClarity Administrator เมื่อใช้เป็นคอนเทนเนอร์

เมื่อใช้ Lenovo XClarity Administrator เป็นคอนเทนเนอร์ ให้ใช้ขั้นตอนการอัปเดตนี้ในการติดตั้งซอฟต์แวร์ล่าสุดเป็นคอนเทนเนอร์ใหม่ และผูกโวลุ่มของคอนเทนเนอร์เดิมกับคอนเทนเนอร์ใหม่

ก่อนจะเริ่มต้น

หากต้องการอัปเดต XClarity Administrator เป็นคอนเทนเนอร์ Docker จาก v4.0 เป็น v4.1 โปรดดู การอัปเดต XClarity Administrator v4.0 เป็น v4.1 เมื่อใช้เป็นคอนเทนเนอร์

คุณไม่สามารถอัปเดตจากเวอร์ชันก่อนหน้าของ XClarity Administrator เมื่อใช้เป็นคอนเทนเนอร์ Docker เป็น XClarity Administrator v4.0 แต่คุณจะต้องติดตั้ง อิมเมจแบบเต็ม ของ XClarity Administrator v4.0 แทน (ดู การติดตั้ง Lenovo XClarity Administrator ในสภาพแวดล้อม Docker, CentOS, Citrix, Red Hat KVM, Rocky, Ubuntu, VMware ESXi หรือ Windows Hyper-V)

หากต้องการจัดการอินสแตนซ์ XClarity Administrator v4.0 หรือใหม่กว่าโดยใช้ Lenovo XClarity Orchestrator จะต้องใช้ XClarity Orchestrator v2.0 หรือใหม่กว่า หากคุณอัปเดตเป็น XClarity Administrator v4.0 หรือใหม่กว่า ตรวจสอบให้แน่ใจว่า XClarity Orchestrator เป็น v2.0 หรือใหม่กว่า

เกี่ยวกับงานนี้

ไฟล์ docker-compose.yml ใช้ตัวแปรสภาพแวดล้อมต่อไปนี้ ซึ่งคุณตั้งค่าไว้ระหว่างการติดตั้งคอนเทนเนอร์เดิม คอนเทนเนอร์ใหม่จะใช้ตัวแปรสภาพแวดล้อมเหล่านี้ด้วย

  • CONTAINER_NAME ชื่อคอนเทนเนอร์ที่ไม่ซ้ำกัน ใช้เพื่อสร้างโวลุ่ม Docker สำหรับแต่ละอินสแตนซ์ XClarity Administrator (ตัวอย่างเช่น CONTAINER_NAME=LXCA-203)

    XClarity Administrator ใช้ชื่อคอนเทนเนอร์เพื่อสร้างโวลุ่มสำหรับคอนเทนเนอร์ หากคุณใช้ชื่อคอนเทนเนอร์เดียวกันสำหรับคอนเทนเนอร์ใหม่ อินสแตนซ์ XClarity Administrator ใหม่จะใช้โวลุ่มเดียวกัน ดังนั้นจึงมีสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลและการตั้งค่าระบบเดียวกันกับอินสแตนซ์ XClarity Administrator เดิม (คอนเทนเนอร์)

    หากคุณเปลี่ยนชื่อคอนเทนเนอร์ จะมีการสร้างโวลุ่มใหม่สำหรับคอนเทนเนอร์นั้น อินสแตนซ์ XClarity Administrator ใหม่จะไม่มีสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลและการตั้งค่าระบบเดียวกันกับอินสแตนซ์ XClarity Administrator เดิม (คอนเทนเนอร์) หากคุณจำเป็นต้องเปลี่ยนชื่อคอนเทนเนอร์หรือที่อยู่ IP ให้สํารองข้อมูลและการตั้งค่าระบบสำหรับอินสแตนซ์ XClarity Administrator เดิมก่อนที่จะติดตั้งคอนเทนเนอร์ใหม่ แล้วใช้ข้อมูลสำรองนั้นเพื่อกู้คืนข้อมูลระบบและการตั้งค่าในคอนเทนเนอร์ใหม่

  • ADDRESS ที่อยู่ IPv4 หรือ IPv6 แบบคงที่สำหรับคอนเทนเนอร์ (ตัวอย่างเช่น ADDRESS=192.0.2.0)

    การเปลี่ยนที่อยู่ IP ของ XClarity Administrator หลังจากจัดการอุปกรณ์อาจทำให้อุปกรณ์อยู่ในสถานะออฟไลน์ใน XClarity Administrator ตรวจสอบให้แน่ใจว่าอุปกรณ์ทั้งหมดไม่ได้รับการจัดการก่อนที่จะเปลี่ยนที่อยู่ IP

  • BACKUP_MOUNT และ FIRMWARE_MOUNT (ไม่บังคับ) พาธสำหรับการแชร์ระยะไกลที่สามารถใช้เพื่อเก็บข้อมูลสำรองของ XClarity Administrator หรือใช้เป็นที่เก็บข้อมูลระยะไกลสำหรับการอัปเดตเฟิร์มแวร์ พาธต้องเป็น /mnt/backup_share และ /mnt/fw_share ตามลำดับ

หมายเหตุ
XClarity Administratorไม่ได้รันเป็นคอนเทนเนอร์ที่มีสิทธิ์

ขั้นตอน

หากต้องการอัปเดตคอนเทนเนอร์ XClarity Administrator ให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้

  1. ดาวน์โหลดอิมเมจคอนเทนเนอร์ XClarity Administrator จาก เว็บเพจการดาวน์โหลด XClarity Administrator ไปยังเวิร์กสเตชันไคลเอ็นต์ เข้าสู่ระบบเว็บไซต์ แล้วใช้คีย์การเข้าถึงที่กำหนดให้คุณใช้ดาวน์โหลดอิมเมจ
  2. นําเข้าอิมเมจคอนเทนเนอร์ XClarity Administrator ลงในโฮสต์ Docker โดยการเรียกใช้คำสั่งต่อไปนี้
    docker load -i lnvgy_sw_lxca_110-3.5.0_anyos_noarch
  3. แก้ไขไฟล์ docker-compose.yml เดียวกันกับที่ใช้สำหรับคอนเทนเนอร์เดิม อัปเดตคุณสมบัติของอิจเมจที่ด้านบนของไฟล์เพื่อชี้ไปยังอิมเมจ Docker ใหม่จากขั้นตอนที่ 2 คุณสามารถเปลี่ยนแท็กอิมเมจได้ด้วยคำสั่ง docker tag

    ข้อมูลต่อไปนี้แสดงตัวอย่างไฟล์ yml

    version: '3.8'

    services:

    lxca:
    image: lenovo/lxca:lnvgy_sw_lxca_container_111-4.0.0_anyos_noarch
    container_name: ${CONTAINER_NAME}
    tty: true
    stop_grace_period: 60s
    volumes:
    # Bind mount remote shares to the container
    - /home/<HOST_MOUNT_POINT_FOR_BACKUP>:${BACKUP_MOUNT}
    - /home/<<HOST_MOUNT_POINT_FOR_FW_SHARE>:${FIRMWARE_MOUNT}
    # Docker volume mount
    - data:/opt/lenovo/lxca/data
    - postgresql:/var/lib/postgresql/data
    - log:/var/log
    - confluent-etc:/etc/confluent
    - confluent-log:/var/log/confluent
    - confluent:/var/lib/confluent
    - propconf:/opt/lenovo/lxca/bin/conf
    networks:
    lan:
    ipv4_address: ${ADDRESS}

    volumes:
    data:
    name: ${CONTAINER_NAME}-data
    postgresql:
    name: ${CONTAINER_NAME}-postgresql
    log:
    name: ${CONTAINER_NAME}-log
    confluent-etc:
    name: ${CONTAINER_NAME}-confluent-etc
    confluent-log:
    name: ${CONTAINER_NAME}-confluent-log
    confluent:
    name: ${CONTAINER_NAME}-confluent
    propconf:
    name: ${CONTAINER_NAME}-propconf

    networks:
    lan:
    name: lan
    driver: macvlan
    driver_opts:
    parent: eth0
    ipam:
    config:
    - subnet: 192.0.0.0/19
    gateway: 192.0.30.1

  4. ปิดคอนเทนเนอร์เดิม โดยใช้คำสั่งต่อไปนี้
    docker-compose -p ${CONTAINER_NAME} down
  5. ปรับใช้อิมเมจใน Docker ใหม่โดยการเรียกใช้คำสั่งต่อไปนี้ โดยที่ <ENV_FILENAME> คือชื่อของไฟล์ตัวแปรสภาพแวดล้อม
    COMPOSE_HTTP_TIMEOUT=300 docker-compose -p ${CONTAINER_NAME} ––env-file <ENV_FILENAME> up -d